ร้องเรียนร้องทุกข์ สถานะ : รับเรื่องร้องเรียน ข้อมูลผู้ร้องเรียนร้องทุกข์ ขอร้องเรียนเหตุเดือดร้อนรำคาญจากสัตว์เลี้ยง (เหตุไก่ชนขันเสียงดังรบกวน ก่อความรำคาญ) ข้าพเจ้า นางสาวจีรนันท์ ชัยวาฤทธิ์ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 33/7 หมู่ 16 ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย (บ้านสันต้นก้อ หมู่บ้านสมิตา) เบอร์ติดต่อ 095-447-4241 ขอร้องเรียนเรื่องไก่ชนขันเสียงดัง ก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อยู่ใกล้เคียง โดยบ้านผู้ก่อเสียงรบกวน อยู่ข้างๆบ้านข้าพเจ้าลักษณะเป็นบ้านให้เช่า จากนี้ขอเรียกผู้ให้เช่าว่า ป้าสม และเรียกผู้เช่าว่า คุณกรฤทธิ์ กรณีไก่ขันเสียงดังก่อความเดือดร้อนรำคาญ กล่าวคือ พึ่งมีการนำไก่ชนเข้ามาเลี้ยง 2 ตัว ประมาณ 1 เดือน และไก่ขันเสียงดังรบกวน ตั้งแต่เวลาประมาณ ตี 4.45 บางครั้งขันตั้งแต่ ตี 3.30 ขันยาวไปเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง และ คุณ กรฤทธิ์ ผู้ประกอบอาชีพเป็น รปภ ออกบ้านประมาณ ตี 5 เมื่อออกบ้านก็เปิดผ้าคลุมสุ่มไก่ไว้ แล้วตนก็ออกไปทำงาน ข้าพเจ้าได้พยายามดำเนินการเบื้องต้น เพื่อพูดคุยแก้ปัญหา หลายช่องทางแล้ว โดยสรุป ดังนี้ 1. โทรปรึกษาผู้ใหญ่บ้านกรุง โดย ผญบ ได้ทำการเข้าไปดูพื้นที่ และได้ไปพูดคุยกับป้าสม 2. ไปพบพี่ชายของป้าสม ขอให้ช่วยไปคุยกับป้าสม (ซึ่งเป็น ผญบ คนเดิม ชื่อทองคำ) 3. ได้เข้าไปพูดคุยขอความร่วมมือกับ คุณกรฤทธิ์ เกี่ยวกับเรื่องไก่ขันเสียงดัง แล้วหลายครั้ง ดังนี้ 3.1 ครั้งที่ 1 ไปพบคุณกรฤทธิ์ที่บ้าน และสรุปว่าจะย้ายตำแหน่งของไก่ ไปไว้โซนด้านหน้าริมรั้ว แต่โซนนั้นไม่มีหลังคา ผล คุณกรฤทธิ์นำไก่ไปไว้โซนด้านหน้าริมรั้ว แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน หากมีฝนตก จึงต้องย้ายไก่เข้ามาในเขตหลังคา ซึ่งก็อยู่ใกล้เคียงกับบ้านของข้าพเจ้าอยู่ดี 3.2 ครั้งที่ 2 ได้เขียนกระดาษโน๊ต A4 ไว้ที่หน้าบ้านคุณ กรฤทธิ์ (ไปหาที่บ้าน แต่ไม่อยู่ ) เนื่องจากเห็นไก่ไม่ได้อยู่ที่โซนด้านหน้าริมรั้ว เขียนว่า หากฝนไม่ตก ช่วยย้ายไก่ไปที่ด้านโซนหน้าริมรั้วให้ด้วย เนื่องจากเวลาที่เข้า-ออกบ้านไม่พร้อมกัน จึงไม่เจอตัวกัน จึงเขียนโน๊ตไว้ ผล มีฝนตกโดยไม่สามารถทำนายเวลาได้ จึงนำไก่มาไว้ในเขตหลังคา ซึ่งก็อยู่ใกล้เคียงกับบ้านของข้าพเจ้าอยู่ดี 3.3 ครั้งที่ 3 ได้เขียนกระดาษโน๊ต A4 ไว้ที่หน้าบ้านคุณ กรฤทธิ์ เพราะไปหาแต่ไม่เจอกันสักที เขียนว่า อยากเข้าไปหารือเรื่องไก่ขัน จึงให้เบอร์โทรไว้ให้โทรกลับ ผล คุณ กรฤทธิ์ ได้โทรกลับมา จึงได้ปรึกษาและขอความร่วมมือเพื่อแก้ปัญหาในขั้นต่อไป เนื่องจากการย้ายตำแหน่งไก่ ไม่เป็นผล การเจรจาครั้งนี้ได้ความว่า ข้าพเจ้ายื่นข้อเสนอ จะมีผ้าคลุมสุ่มไก่ ซึ่งข้าพเจ้าอาสายินดี เป็นผู้เอาผ้าคลุมสุ่มไก่ออกให้ก่อนข้าพเจ้าจะไปทำงาน เนื่องจากคุณกรฤทธิ์ออกบ้านประมาณตีห้า ข้าพเจ้าออกบ้านประมาณ 7 โมง เพื่อไก่จะได้ไม่ขันรบกวน แต่คุณกรฤทธิ์แจ้งว่า จะกลับมาเอาผ้าคลุมออกเอง หลังเลิกงาน เวลาบ่ายสอง 3.4 ครั้งที่ 4 คุณกรฤทธิ์ เปิดผ้าคลุมสุ่มไก่ไว้ครึ่งหนึ่งตอนตีห้าจะออกบ้าน (ทั้งที่ได้เคยคุยไว้ ว่าจะเอาผ้าคลุมออกเองตอนเลิกงานบ่ายสอง) ผล เนื่องจากเปิดผ้าคลุมสุ่มไก่ไว้ครึ่งหนึ่ง ไก่ก็ขันอยู่ดี ข้าาพเจ้าจึงติดต่อแจ้งไปว่าเสียงไก่ขันรบกวนอยู่ดี 3.5 ข้าพเจ้าเสนออีกครั้ง ว่า จะเป็นคนเอาผ้าคลุมออกให้เอง ตอนข้าพเจ้าออกบ้านไปทำงาน เวลาประมาณ 7 โมงเช้า เนื่องจากคิดว่าถ้าผ้าคลุมออกช้า น่าจะทำให้ไก่ขันช้าไปด้วย เพราะยังไงถ้าไปเปิดไว้ครึ่งหนึ่งแบบนั้น มันก็ขันอยู่ดี และการคุยกันครั้งนี้ เริ่มมีการโต้เถียง และมีความไม่พอใจต่อกันขึ้นแล้ว 3.6 เมื่อข้าพเจ้าได้เป็นคนเอาผ้าคลุมสุ่มไก่ออกเอง ผล พบว่าไม่ได้แก้ปัญหาไก่ขันแต่เช้าตรู่แต่อย่างใด (เช้าตรู่ในที่นี้ คือบางวัน ตี 3.30 บางวัน ตี 4.45) จะมีผ้าคลุมหรือไม่มี ไก่ก็ยังขันแต่เช้ารบกวนอยู่ดี 4. ข้าพเจ้าโทรปรึกษา ผญบ อีกครั้ง ว่าพยายามพูดคุยกันแล้ว แต่ปัญหาเรื่องเสียงไม่สามารถแก้ไขได้เลย เพราะไก่ก็อยู่บริเวณใกล้ๆบ้านข้าพเจ้า จึงคิดหาวิธีอื่น กล่าวคือ ขอนัดคุยกับป้าสม พร้อม ผญบ เพื่อขอให้ป้าสมช่วยทำหลังคาที่โซนด้านหน้าบ้านให้จะได้ไหม จะได้นำไก่ไปไว้ตรงตำแหน่งนั้นได้ ข้าพเจ้าเคยคุยเรื่องโรงหลังคากับคุณกรฤทธิ์แล้ว คุณกรฤทธิ์แจ้งว่ามันทำไม่ได้ เขาก็คิดจะทำ แต่พื้นด้านล่างเป็นซีเมนต์ 5. ทั้งหมดคือสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเห็นว่าได้พยายามเจรจาและแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี ช่วยคิดวิธีแก้ไข แต่ไม่เป็นผล ไม่สามารถลดปัญหาเสียงรบกวนได้ (ขอใช้คำเมืองว่า แป๋งใจ๋เข้าหาสุดตี้แล้วค่า) และการพูดคุยครั้งหลังๆ มีแนวโน้มนำไปสู่การทะเลาะการขัดแย้ง และอาจจะเกิดการมีปากเสียงกันรุนแรงอีกในครั้งหน้า จึงขอพึ่งพาหน่วยงานของส่วนภาครัฐ เข้ามาคลี่คลาย ให้ความเป็นธรรม ช่วยเข้าตรวจสอบพื้นที่และจัดการปัญหาตามเหมาะสมให้ด้วยค่ะ 6. เรื่องไก่ขันเสียงดังรบกวนนั้น ถือเป็นปัญหาที่พบมาก บางครั้งถึงกับเป็นหัวข้อข่าวออกเผยแพร่ เนื่องจากเกิดกรณีพิพาทกัน ซึ่งบางครั้งทางหน่วยงานที่ช่วยเหลือก็ไม่ให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง จนถึงกับต้องให้สื่อเป็นผู้ยื่นมือเข้ามาช่วย (สำหรับรายละเอียดปลีกย่อยมีอีกมากมาย ไม่สามารถเล่าได้หมด สามารถมาสอบถามข้อมูลได้ค่ะ) ขอชี้แนะประเด็นที่น่าสังเกตุดังนี้ 1. ประเด็นที่ ป้าสม ผู้เป็นเจ้าของบ้านเช่า และเป็นผู้ให้คำอนุญาติให้นำไก่มาเลี้ยงได้ - ป้าสม คำนึงถึง การเลี้ยงไก่ ว่าเหมาะที่จะเลี้ยงในชุมชนหรือไม่ (และไก่ขันเสียงดังรบกวน ก่อความเดือดร้อนรำคาญ) บ้านหลังนี้เป็นรูปแบบของบ้านให้เช่า และพึ่งมีการนำไก่เข้ามาเลี้ยง ซึ่งก่อนหน้าก็อยู่กันได้อย่างสงบสุข บ้านนี้มีลักษณะเป็นบ้านโครงการซึ่งเป็นบ้านติดๆกัน คล้ายบ้านจัดสรร เหมาะหรือไม่ที่นำไก่มาเลี้ยง - ป้าสม คำนึงถึง สภาพแวดล้อมของบ้านหรือไม่ ว่า เหมาะกับการเลี้ยงไก่ไหม 2. ประเด็นที่คุณกรฤทธิ์ ออกบ้านในวันที่อยู่เวรตอนเช้า ประมาณตีห้าเพื่อไปทำงาน และทิ้งไก่ให้ส่งเสียงดังก่อความเดือดร้อนต่อบ้านอื่น ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าเหมือนเป็นการทิ้งปัญหาไว้กับคนข้างหลัง เพราะคุณกรฤทธิ์ก็ไม่ได้อยู่บ้าน ข้าพเจ้าก็แป๋งใจ๋หา ว่าจะขันตอนไหนก็จะอดทนเอา แต่การที่ขัน บางทีตี 3.30 บางที่ตี 4.45 มันเป็นสภาวะที่ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์จริงๆ เพราะมันเป็นเวลานอน เป็นเวลาพักผ่อน เป็นเวลาที่คนหลับ 3. ประเด็น ไก่ขันแต่เช้าตรู่ ข้าพเจ้าขอความเห็นใจค่ะ หากท่านเข้างานตีห้า ท่านตื่นตีสี่ อันนี้ถือเป็นปกติ แต่ข้าพเจ้าเข้างาน 8 โมง ข้าพเจ้าต้องตื่นเช้าพร้อมกับไก่คุณกรฤทธิ์เหรอ คนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วมักรู้ดีว่าการพักผ่อนสำคัญขนาดไหน ถ้าเป็นท่าน ท่านจะรู้สึกอย่างไร ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองกึ๊ดต๋าเปิ้นต๋าตั๋ว ดูค่ะ 4. ประเด็น คุณกรฤทธิ์ ให้ความร่วมมือดีค่ะ แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาไก่ขันรบกวนได้ เพราะพื้นที่มีอยู่เท่านั้นค่ะ ทำอะไรไม่ได้มาก สำหรับการพูดคุยกันช่วงแรกๆ ก็คุยกันดีอยู่ แต่เมื่อข้าพเจ้าไปคุยหลายๆครั้ง ข้าพเจ้าก็พอทราบค่ะ ว่าก็เกิดความรำคาญ และก็เริ่มพูดคุยแบบมีการตอบโต้ยังกัน เริ่มมีการโต้เถียงกันเกิดขึ้น ซึ่งข้าพเจ้าอายุเยอะแล้ว ก็ทราบและดูออกค่ะ ว่าวัยรุ่นๆ แบบคุณกรฤทธิ์ ถ้าได้ตั้งธงอะไรไว้แล้ว หรือมีทัศนคติอะไรแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยน ข้าพเจ้าก็ไม่อยากต่อปากต่อคำ ก็จะนำพาไปสู่ความทะเลาะวิวาทกันไปอีก ความคิดที่ว่า เช่น 4.1 ผมเลี้ยงไก่ มันก็ต้องขันอยู่แล้วไหมครับ , ใช่ค่ะ ท่านอยากเลี้ยงอะไรที่บ้านท่าน เป็นสิทธิของท่านอยู่แล้ว แต่เสียงมันดังรบกวน คือตอนไหนไม่ว่าค่ะ ตอนตีสามครึ่งบ้าง ตีสี่สี่สิบห้าบ้าง ข้าพเจ้าเห็นว่ามันรบกวนเวลาพักผ่อนกันเกินไปค่ะ คือขอใช้คำเมืองค่ะ มันเปิงละกา เอาไก่มาเลี้ยง ละไก่ขันตี๋สาม ตี๋สี่ มันแก่ไปค่า ข้างบ้านนอนบะได้ เอี๊ยะค่ะ คือถ้าคนเรามีทัศนคติ หรือจิตสำนึกของการอยู่ร่วมกันในสังคม ก็คงคิดได้ แต่คุณกรฤทธิ์ คิดแค่ว่าเลี้ยงไก่มันก็ต้องขัน ก็คงเปลี่ยนแปลงความคิดเขาไม่ได้ 4.2 ผมอยู่นี่เป็นปี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร, ก็พึ่งเอาไก่มาเลี้ยง ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่คน มันอยู่ที่ไก่ แล้วเอาไก่มาเลี้ยง มันไม่ได้มาแต่ตัว เสียงมันมาด้วย มันรบกวนเดือดร้อนบ้านข้างเคียง 4.3 ผมก็เอาไก่มาเลี้ยงแก้ง่อม จะไม่ให้เลี้ยงเลยเหรอ, อันนี้หมดคำจะพูดค่ะ 4.4 ข้าพเจ้าเสนอว่าจะไปคุยกับป้าสมให้มาทำโรงหลังคาตรงมุมรั้วหน้าบ้าน จะได้ย้ายไก่ไว้ตรงนั้นได้ ตอบข้าพเจ้ามาว่า เกรงใจป้าสม, แล้วข้าพเจ้าหล่ะ ไม่เกรงใจเหรอคะ? 4.5 ถ้าพี่เจอที่เขาเลี้ยงไก่เยอะๆ พี่จะทำยังไง บ้านป้าสมข้างบ้านแกก็เป็นฟาร์มไก่, ข้าพเจ้าไปถาม ผญบ เรื่องนี้ ผญบ บอกว่าข้างบ้านป้าสมไม่ใช่ฟาร์มไก่ 5. เหตุการณ์นี้เริ่มจะบานปลายไปในทางที่ไม่ดีแล้ว จะเกิดความทะเลาะเบาะแว้ง นำไปสู่การทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น สร้างความไม่สงบสุขต่อชุมชน เนื่องจากทางคุณกรฤทธิ์ก็อยู่ในวัยรุ่นค่ะ ข้าพเจ้าก็หวั่นใจค่ะ การพูดคุยครั้งหลังๆ ก็เริ่มไม่ค่อยดีกันแล้วค่ะ 6. ข้าพเจ้าได้เข้าพูดคุยกับเพื่อนบ้านท่านอื่น ต่างให้ความเห็นว่า ก่อความรำคาญจริง แต่เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของบ้านข้าพเจ้านั้น ติดกับบ้านไก่ขันดังกล่าว จึงก่อความรบกวนเดือดร้อนแก่ข้าพเจ้าโดยเฉพาะ ข้าพเจ้าต้องดิ้นรนแก้ปัญหาอยู่อย่างลำพัง ซึ่งบ้านหลังอื่นนั้นอยู่ห่างออกไปจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ปล. ยังมีประเด็นที่คุณกรฤทธิ์จะขายไก่ 1 ตัว ข้าพเจ้าถึงกับขอซื้อไก่ตัวนั้น เพื่อที่ว่าเดิมมี 2 แล้วคิดว่าถ้าเหลือ 1 มันน่าดีขึ้น ไม่นานเกิน 1 เดือน ก็ยังนำไก่มาเลี้ยงอีก 1 ตัว เหมือนเดิม เรื่องนี้ ผญบ ทราบแล้ว ก็ได้แต่พูดว่า แห๋มม่อ สุดท้ายนี้ขอหน่วยงานกองสาธารณสุขที่รับผิดชอบ ช่วยเข้ามาไกล่เกลี่ยและแก้ปัญหาดังกล่าวให้ด้วยค่ะ ข้าพเจ้าพอทราบมาว่ามีกฎหมายอยู่ คือ กฎหมายคุ้มครองเกี่ยวกับกฏหมายเกี่ยวกับความเดือดร้อนและความรำคาญจากสัตว์เลี้ยง และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 และ 397 จะนำมาช่วยข้าพเจ้าได้ไหมคะ สำหรับกฏหมายเหล่านี้ 1. กฏหมายเกี่ยวกับความเดือดร้อนและความรำคาญจากสัตว์เลี้ยง พรบ. สาธารณสุข พ.ศ. 2535 ฉบับที่ 3 พ.ศ.2560 หมวด 5 เหตุรำคาญ มาตรา 26-28 กำหนดให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจห้ามผู้หนึ่งผู้ใด มิให้ก่อเหตุรำคาญในที่ หรือทาง สาธารณะหรือสถานที่เอกชน โดยออกคำสั่งเป็นหนังสือให้บุคคลหรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่ ซึ่งเป็นต้นเหตุ หรือเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดเหตุรำคาญ ระงับกำจัด ควบคุม และป้องกันเหตุรำคาญ หรือมิให้ใช้ ยินยอมให้บุคคลใด ใช้สถานที่นั้น และให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นสามารถกระทำโดยวิธีใด เพื่อระงับเหตุ รำคาญและอาจจัดการตามความจำเป็น หรือให้ระบุไว้ในคำสั่งกำหนดวิธีการป้องกัน มิให้เหตุความรำคาญนั้นเกิดขึ้นอีกในอนาคตในการดำเนินการดังกล่าวให้บุคคลหรือเจ้าของ หรือผู้ ครอบ ครองซึ่งเป็น ต้นเหตุหรือเกี่ยวข้องกับการก่อให้เกิดเหตุรำคาญ เป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายสำหรับการจัด การนั้น ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่น ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ(มาตรา 74) 2. สัตว์เลี้ยงสร้างความ รบกวน รำคาญ เช่น สุนัขเห่าหอนตอนดึก รบกวนการนอนหลับของเพื่อนบ้าน สัตว์เลี้ยงส่งเสียงดังรบกวนเป็นความผิด ฐานก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ หรือเจ้าของไม่ทำความสะอาดจนส่งกลิ่นรบกวนเพื่อนบ้าน เข้าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 397 “ผู้ใดกระทำการใดๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอาย เดือดร้อน รำคาญ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท” 3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท ขอแสดงความนับถือ จีรนันท์ ชัยวาฤทธิ์ ไฟล์แนบ ถึงส่วนงาน ขอส่วนงานทางราชการที่เกี่ยวข้อง ที่รับผิดชอบในส่วนนี้ ช่วยมาไต่สวน และไกล่เกลี่ย ชี้แนะวิธีทางแก้ไขร่วมกันอย่างเป็นทางการ ผู้ให้เช่า ผู้เช่า ผู้ร้องเรียน ผู้ใหญ่บ้าน และ จนท สาธารณสุข เนื่องจากตามที่ได้แจ้ง คือมีการบอกกล่าวกันเองแล้วจะถึงระดับ ผญบ แต่ยังเกิดปัญหาอยู่ หากหน่วยงานราชการเข้ามามีส่วนช่วยเหลือ จะทำให้การแก้ไขปัญหานี้มีความชัดเจน เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย คือมีน้ำหนักมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ขอแสดงความเคารพ จีรนันท์ ชัยวาฤทธิ์ 095-447-4241